วันนี้มีโอกาสตื่นเช้าหน่อยเพราะเป็นเช้าวันจันทร์ ขืนตื่นสายก็คงรถติดแน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปก็คือถนนหลายเส้นที่ก่อนหน้านี้เคยถูกปิดเพราะสารพัดม้อบก็ได้กลับคืนสู่สถานการณ์ปกติ เป็นหนึ่งในข้อดีของการยึดอำนาจในครั้งนี้ที่เรียกว่า “การรักษาความสงบ” อย่างแท้จริง
หลายวันก่อนที่สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆจะเริ่มกลับเข้ามาแพร่ภาพรายการของแต่ละช่องเองนั่น ผมได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามสถานทีโทรทัศน์ดิจิตอลช่องหนึ่งเข้าร่วมประชุมหารือกับทาง คสช. โดยมี พลเอกฉัตรชัย สาลิกัลยะ เป็นประธานในที่ประชุมวันนั้นเพื่อ ชี้แจงทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน หลังจากออกจากห้องประชุมโดย “ความเห็นส่วนตัว” ผมเห็นด้วยกับแนวทางของ คสช. ในตอนนี้มาก สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการขอความร่วมมือกับทางสื่อฯ ถึงแม้ทาง คสช. จะใช้อำนาจบังคับได้ก็ตาม เพราะทุกวันนี้บ้านเมืองเกิดการแตกแยกร้าวลึก ไม่ใช่แค่ระดับผู้บริหารประเทศ แต่ลงไปถึงระดับรากหญ้าหรือครอบครัวกันเลย รวมถึงปัญหาคอรัปชั่นต่างๆที่มากมายทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว สิทธิเสรีภาพเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ในบางโอกาสเราก็ต้องเคารพสถานการณ์เพราะที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกติ ซึ่ง คสช เข้ามาเพื่อทำให้ประเทศกลับเข้าสู่ทิศทางที่ควรจะเป็น ไม่ใช่อ้างหรือเรียกร้องแต่เสรีภาพ แต่สุดท้ายไม่ได้สนใจในภาพรวมที่จะนำพาประเทศให้ดีขึ้น ซึ่งสุดท้ายเมื่อออกจากห้องประชุมทุกช่องก็สามารถกลับมาออกอากาศรายการของตัวเองได้ทันที (ยกเว้นบางช่องที่ยังห้ามอยู่ตามประกาศ)
คำว่า “ประชาธิปไตย” ก็เหมือนกัน ประชาธิปไตยไม่ได้เป็นเพียงแค่การเลือกตั้ง หรือเสรีนิยมที่ปากบอกปาวๆว่าทุกคนมีสิทธ์เท่าเทียมกัน ทุกวันนี้คำนี้กลายเป็นเพียงแค่การกล่าวอ้างในการหาเสียง การโฆษณาชวนเชื่อเพื่อพาตัวเองและพวกพ้องไปอยู่ในจุดที่สามารถกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเองเท่านั้น “โดยส่วนตัว” ผมว่าก่อนที่จะใช้คำว่าประชาธิปไตย ควรมีการ “ปฎิรูป” อย่างจริงจังเสียก่อน โดยเฉพาะการปฎิรูปการศึกษาเพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงการปกครองของประเทศที่อะไรจะนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าได้มากกว่าการเข้าใจว่า ประชาธิปไตยเป็นแค่การเลือกตั้ง แล้วก็ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองที่เอานโยบายประชานิยมมาเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้ตัวเองเข้าไปหาผลประโยชน์ต่อในสภา
สุดท้าย “โดยส่วนตัว” ผมชื่นชมทหารที่ออกมายึดอำนาจ และรักษาความสงบในครั้งนี้ ซึ่งหวังว่ากระบวนการต่อไปก่อนที่จะมีการเลือกตั้งจะเป็นการวางรากฐานขจัดปัญหาคอรัปชั่นอย่างยั่งยืน และปฎิรูปประเทศแบบชัดเจน และที่สำคัญต้องไม่นานเกินไป นับเป็นภารกิจอันหนักอึ้งของ พลเอกประยุทธ์ และคสช. อย่างยิ่ง
ด้วยจิตคาราวะ