25 ปีผ่านไป บทเรียนหลังฟองสบู่ดอทคอมแตก

ก่อนหน้านี้เขียนบทความเกี่ยวกับหุ้น TOP 10 S&P 500 ที่เมื่อเวลาผ่านไป บริบทของโลกเปลี่ยนไป ไม่ว่าในเรื่องของเทคโนโลยี การทำงาน การบริโภค ซึ่งแต่ก่อนเคยมีคนบอกว่าซื้อ TOP 10 S&P 500 ไว้แล้วปิดจอรอ 10 ปีกำไรยาวๆได้เลย แม้แต่หุ้น Bluechips ไทยกับปู่ SET ดูท่าก็จะซ้ำรอยได้เหมือนกัน โดยในรายงานมาจากบทความของ GoldmanSachs: 25 Years on; Lessons from the bursting of the technology bubble

ซึ่งทำงาน Goldman Sachs ได้สะท้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 25 ปีก่อน เมื่อฟองสบู่หุ้นเทคโนโลยีในช่วงยุคดอทคอมแตกในปี 2000 ซึ่งส่งผลให้มูลค่าหุ้นเทคโนโลยีหลายตัวร่วงลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในตลาด Nasdaq ที่มีสัดส่วนของหุ้นเทคโนโลยีสูงมาก

ในปี 2025 นี้ หุ้นเทคโนโลยีก็มีความผันผวนสูงเช่นกัน จึงเป็นจังหวะสำคัญในการวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต และมีความคล้ายหรือแตกต่างจากปัจจุบันอย่างไร เพื่อให้สามารถนำบทเรียนในอดีตมาประยุกต์ใช้ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

💥 เหตุการณ์ฟองสบู่เทคโนโลยีในอดีต

ช่วงปี 1995–2000 นักลงทุนทั่วโลกตื่นเต้นกับการเข้ามาของ “อินเทอร์เน็ต” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกคาดหวังว่าจะเปลี่ยนโลกทั้งใบ นักลงทุนแห่กันไปซื้อหุ้นบริษัทดอทคอมต่าง ๆ จนราคาหุ้นพุ่งสูงเกินพื้นฐาน

ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าใน 5 ปี และมีหุ้นหลายตัวที่เพิ่มขึ้นหลายพันเปอร์เซ็นต์ภายในเวลาไม่กี่เดือน

  • Nasdaq ร่วง 34% ภายใน 1 เดือนหลังพีค
  • Priceline สูญเสียมูลค่าหุ้นไปถึง 94%
  • Nasdaq ร่วงรวมเกือบ 80% ภายใน 2 ปี

📚 บทเรียนจากฟองสบู่

ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าเกือบทุกครั้งที่มีนวัตกรรมใหม่ จะมีฟองสบู่เกิดขึ้นตามมา

  • ความตื่นเต้นต่อเทคโนโลยีใหม่ → ดึงดูดนักลงทุน
  • มูลค่าหุ้นเกินจริง → คาดหวังเกินความเป็นจริง
  • เกิดผู้เล่นจำนวนมาก → แข่งขันจนล้มตาย
  • ผู้รอดคือผู้ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างเดิม

🤖 สถานการณ์ปัจจุบัน (2025): ไม่ใช่ฟองสบู่

หุ้นกลุ่ม “Magnificent 7” ยังคงแข็งแกร่งเพราะ:

  • มีกำไรจริง มีเงินสด และหนี้ต่ำ
  • PEG Ratio และ EV/Sales อยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • การเติบโตสะท้อนจากรายได้จริง

แม้จะมีหุ้นบางกลุ่มที่อาจเก็งกำไรสูง แต่ภาพรวมของกลุ่มเทคโนโลยียังอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย

⚠️ ความเสี่ยงที่ยังต้องจับตา

  1. ความเสี่ยงจากการกระจุกตัว: หุ้น Top 10 สหรัฐฯ ครองตลาดโลกถึง 20%
  2. ความเสี่ยงจาก CapEx: บริษัทใหญ่เร่งลงทุนใน AI อย่างรุนแรง
  3. ความเสี่ยงจากคู่แข่งใหม่: โดยเฉพาะจากจีนและสตาร์ทอัพ AI

🔄 วงจรของเทคโนโลยี

ทุกนวัตกรรมจะวนตามวัฏจักรเดิม:

  1. เทคโนโลยีใหม่เกิด → เงินลงทุนหลั่งไหลเข้า
  2. เกิดฟองสบู่จากความคาดหวังเกินจริง
  3. ฟองสบู่แตก → ผู้เล่นรายเล็กหาย
  4. เทคโนโลยีถูกใช้งานจริง → ก่อให้เกิดสิ่งใหม่

📈 คำแนะนำจาก Goldman Sachs

  • กระจายการลงทุนจากแค่หุ้นผู้นำไปยัง “ผู้ใช้ AI เพื่อสร้างรายได้จริง” (AI Phase 3)
  • อุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น พลังงาน ไฟฟ้า โลหะ อาจเติบโตจากความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐาน
  • มองหาโอกาสใหม่ในกลุ่มหุ้นที่เน้นการสร้างรายได้ ไม่ใช่แค่โครงสร้าง AI

🧠 บทสรุป

หุ้นเทคโนโลยียุค 2020s มีพื้นฐานดีกว่ายุคดอทคอมมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยเสมอไป

นักลงทุนควรระวังการประเมินมูลค่าเกินจริง และควรติดตามการแข่งขันและเทรนด์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

บทเรียนสำคัญ: ผู้ชนะในอนาคต อาจยังไม่ถือกำเนิดในวันนี้ ดังจะเห็นได้จาก DeepSeek และ Manus!

ปล. นี่ไม่ใช่บทความชี้ชวน ชักชวน ให้ลงทุนแต่อย่างใด ผู้เขียนนำบทความของ GoldmanSachs มาเล่าต่อเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนกันด้วยนะ

Author: Joe D.S.
Just a man on earth

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.